นักวิทยาศาสตร์ หลายประเทศกำลังพยายามเอาชนะหมาให้ได้ โดยการ สร้าง "จมูกอิเลคโทรนิค" ขึ้นมาให้มันสามารถดมกลิ่นได้สารพัด ชนิดที่เรียกว่า ให้ดมกลิ่นลมหายใจของผู้ป่วยแล้วบอกได้เลยว่า มีกลิ่นของมะเร็งปอดอยู่เรื่องจริงนะครับ....ไม่ได้โม้.....
?รู้สึกอิจฉาหมาบ้างไหมครับ.....
ที่มันมีจมูกไวกว่าเราหลายร้อยเท่า นักวิทยาศาสตร์สามารถประดิษฐ์กล้องโทรทัศน์ ที่มองเห็นภาพได้ดีกว่าตา สร้างไมโครโฟนที่สามารถรับเสียงได้ไวกว่าหูของเรามาตั้งนานแล้ว แต่เรื่องการรับกลิ่นของจมูกนั้น เพิ่งจะมีการพัฒนาจนถึงขั้นใช้การได้เมื่อไม่นานมานี้เอง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจจับอาวุธเคมี ต่อมาจึงได้นำมาใช้ในวงการอุตสาหกรรม เช่น ใช้ในการทำ QC ของอาหารพวก เนย กาแฟ ปลา เป็นต้น แม้แต่บริษัท Sharpของญี่ปุ่นก็ยังทดลองนำจมูกอิเลคโทรนิคมาติดตั้งในเตาไมโครเวฟ เพื่อให้เตาสามารถปิดเครื่องได้เองเมื่อได้กลิ่นว่าอาหารสุกเกินไปความแม่นยำในการดมกลิ่น....
Robert Josephบรรณาธิการนิตยสาร Wine Magazineได้ทดลองลองดมกลิ่นเหล้าไวน์แข่งกับจมูกอิเลคโทรนิค ปรากฎว่า จมูกคน (ซึ่งเป็นนักชิมไวน์ระดับปรมาจารย์) เอาชนะเครื่องได้อย่างหวุดหวิด โดยที่จมูกอิเลคโทรนิคตรวจจับไวน์ตัวอย่าง (ไวน์ขาว) ผิดพลาดไปเพียงตัวอย่างเดียวเท่านั้น
แพทย์ก็ต้องดมกลิ่นเป็นเหมือนกัน.....
ลมหายใจของผู้ป่วยบางคน เช่น โรคตับหรือเบาหวานในบางระยะ จะมีกลิ่นที่มีลักษณะพิเศษ ช่วยทำให้แพทย์วินิจฉัยโรคได้คร่าวๆ แต่ถ้าหันมาใช้เครื่องมือช่วย ก็จะทำ เชื้อวัณโรคเมื่อดูผ่านกล้องจุลทัศน์อิเลคตรอน ให้การวินิจฉัยโรคมีความแม่นยำมากขึ้นนายแพทย์ C.W.Henson(ดังรูป)หัวหน้าหน่วยวิสัญญีที่ Penn Medical Center กำลังอยู่ในระหว่างการทดลองนำ จมูกอิเลคโทรนิคมาใช้ในการวินัจฉัยการติดเชื้อในปอด ส่วนนักวิจัยที่มหาวิทยาลัย Cranfield ประเทศอังกฤษ กำลังพัฒนาเครื่องดมกลิ่นวัณโรค ซึ่งคาดว่าจะทำให้สามารถตรวจยืนยันเชื้อวัณโรคได้โดยใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้น ส่วนนักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาลี ชื่อ Carrado Di Natale ก็ได้ทดลองใช้เครื่องพวกนี้ในการดมกลิ่น ตรวจหาผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งปอด ซึ่งถึงแม้ว่าความแม่นยำจะเป็นรองเครื่องส่องตรวจหลอดลม (Bronchoscope) แต่การตรวจลมหายใจนั้นทำได้ง่าย และไม่ทำให้ผู้ป่วยอึดอัดเมื่อเทียบกับเครื่องส่องตรวจ ซึ่งจะต้องสอดเข้าไปภายในหลอดลม ในอนาคต เราก็คงจะได้เห็น จมูกอิเลคโทรนิคมีความแม่นยำมากขึ้น และราคาถูกลง (ปัจจุบัน ราคาอย่างต่ำ 8000 ดอลล่าร์)