เมื่อก่อนนี้ ทาสและอาชญากรจะถูกบังคับให้สักยันต์ทุกคน แต่เดี๋ยวนี้การสักยันต์ในคุกถือว่าเป็นการฝ่าฝืนระเบียบ แต่ก็ยังมีคนลักลอบสักยันต์อยู่เสมอ โดยวัตถุประสงค์ในการสักของผู้ต้องขังนั้น แตกต่างไปจากการสักยันต์ในโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง......
การสักผิวหนังนั้นมีมานานหลายพันปีแล้วโดยมีจุดประสงค์หลายอย่าง เช่น สักเพราะความเชื่อทางศาสนา สักเพื่อบ่งบอกสถานภาพในสังคมสักเพราะความเชื่อทางด้านไสยศาสตร์ ฯลฯ แต่สำหรับผู้ต้องขังในเรือนจำนั้น จุดประสงค์ในการสักยันต์จะไม่เหมือนกับคนทั่วไป ผู้ต้องขังส่วนใหญ่จะสักเพราะ ต้องการระบายความเครียดออกมาในรูปของรอยสัก แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่ต้องการแสดงอำนาจ หรือความก้าวร้าวออกมาเพื่อให้ผู้อื่นเกรงกลัว
อารมณ์สุนทรีย์ที่แสดงออกมาในรอยสัก
มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มองว่ารอยสักเหมือนงานศิลปะชิ้นหนึ่ง แต่ผู้ต้องขังที่สักยันต์ส่วนใหญ่จะไม่มีอารมณ์ศิลปินแบบนี้ มีแต่อารมณ์ก้าวร้าว รุนแรง และมักจะมีประวัติเคยใช้ยาเสพย์ติดมาแล้ว มีบ่อยครั้งที่ต้องการระบายอารมณ์ออกมาด้วยการสัก หรือการกรีดผิวหนังตนเองให้เป็นแผล
สักเพื่อหาพวก
แก๊งค์ยากูซ่าในญี่ปุ่นเป็นตัวอย่างของการสัก โดยมีจุดประสงค์เพื่อเข้าร่วมแก๊งค์มิจฉาชีพ แต่ ผู้ต้องขังที่สักยันต์เต็มตัวกลับหาสมาชิก มาร่วมแก๊งค์ยาก เพราะกลัวถูกเพ่งเล็งจากเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ นอกจากนี้ นักโทษที่นิยมสักยันต์ เปรอะไปหมดทั้งตัว มักจะเป็นคนที่ไม่ค่อยมี ใครอยากคบหาสมาคมด้วย มีปัญหาทางจิต เก็บกด ประชดสังคมหรือไม่ก็สักประชดเมียที่ไป มีสามีใหม่
มีเวลาว่างมากเกินไป
ในคุกมีมือรับจ้างสัก แบบสมัครเล่นมากมาย สักได้ทุกอย่างตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของของคนที่ถูกสัก ในบริเวณที่ไม่ควรสักก็สัก เช่น ที่ใบหน้า หนังตา รวมทั้งที่หน้าท้อง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่พวกมืออาชีพไม่นิยมสักกัน เพราะหนังท้องจะขยายออกได้ เวลาอ้วนลงพุง ทำให้เห็นรอยสักที่ผิดรูป
สักเพราะความเชื่อทางไสยศาสตร์ เช่น อยู่ยงคงกระพัน
เรื่องแบบนี้ ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่.....เกจิอาจารย์สัก (ในคุก) คนหนึ่งกล่าวว่า การสักยันต์ ลายดีๆ เช่น มหาอุตม์ จะทำให้อยู่ยงคงกระพันต่อศาสตราวุธทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น 11 ม.ม. เอ็ม.16 หรือแม้แต่ จรวด โทมาฮ็อค ก็ไม่มีทางมาระคายผิวได้ (ยกเว้นเข็มฉีดยา)
ผู้ต้องขังที่สักมังกรและมหาอุตม์ เพื่อให้อยู่ยงคงกระพันมีสีหน้าไม่สะทกสะท้านเวลาถูกฉีดวัคซีน